ซึ้ง!!! ความในใจ 'น้องเบนซ์' "หนูอยากจะบวชเป็นพระ" (ไว้อาลัย)

ซึ้ง!!! ความในใจ 'น้องเบนซ์' "หนูอยากจะบวชเป็นพระ"
>> เรื่องเล่าถึงน้องเบนซ์ โดย นพ.พรชัย พิญญพงษ์ <<
ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่อ่านข่าวแล้วอดเสียดายโอกาสในการสร้างบุญบารมีต่อ ของน้อง Benz ไม่ได้ ทั้งที่ใจบุญมาก......
หลับให้สบายหนูเบนซ์... ลูกพระกลางใจของพวกเรา

>> "พระอาจารย์ครับ ผมได้สูญเสียพระของผมไปแล้ว เพราะลูกสาวของผมใช้ชีวิตเหมือนพระรูปหนึ่ง" นี่เป็นคำกล่าวของพ่อหนูเบนซ์ หรือนางสาวธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย ที่เปรยพร้อมทั้งน้ำตาหน้าห้องเก็บศพที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ รังสิต แต่ส่วนตัวได้ปลอบใจว่า "ไม่จริงหรอก!!! โยมได้เสียลูกสาวไปแต่โยมกำลังได้พระรูปหนึ่งกลับคืนมา" เหตุผลที่บอกแบบนั้นเพราะว่า หนูเบนซ์เปรยมาตลอดเวลาที่รู้จักว่า "หนูอยากจะบวชเป็นพระ" และในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะมีพระสงฆ์ที่ทรงคุณค่าเกิดขึ้นให้โลกได้พึ่งพาอาศัย พระที่แปลงร่างจากหนูเบนซ์จนกลายเป็นร่างของพระรูปใหม่
>> เพราะเหตุใด?? เด็กสาวที่พรั่งพร้อมด้วยสมบัติภายนอกและสมบัติภายใน จึงมุ่งมาตรปรารถนาเป็นพระอย่างแรงกล้า หนูเบนซ์เกิดในตระกูลสัมมาทิฐิ โดยมีคุณแม่และคุณพ่อเป็นกัลยาณมิตรนำพาลูกสร้างบุญกุศลแต่เยาว์วัย มีการศึกษาที่ดี จบปริญญาโทจากสวีเดน เรียนหลักสูตรผู้นำเมืองยุคใหม่ สถาบันพระปกเกล้า และตั้งใจเรียนปริญญาโทอีกใบสาขาสันติศึกษา มหาจุฬาฯ เหตุผลของการเรียนหลักสูตรสันติศึกษาเป็นการตอกย้ำห้วงความคิดที่แสวงหาคุณค่าของความเป็นพระที่ต่อการแสวงหาความเยือกเย็น และออกไปใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ในฐานะวิศวกรสันติภาพ
>> หนูเบนซ์เป็นนักปฏิบัติธรรมที่มุ่งมั่น และเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่เยาว์วัย โดยการ "นำธรรมไปทำ" พระพุทธศาสนาจึงเป็นวิถีชีวิตและลมหายใจของหนูเบนซ์ ทุกช่วงเวลาของชีวิตคือการทุ่มเท ปฏิบัติธรรมและสร้างบุญบารมีตลอด เพราะสิ่งที่เธอมุ่งมั่นจะเป็นคือ "พระ" เคยถามลูกศิษย์ว่า ทำไมจึงไม่คิดจะแต่งงานอายุ ๓๔ เพราะคุณแม่มุ่งมาตรปรารถนาจะให้มีครอบครัวตามแนวทางการใช้ชีวิตทางโลก เธอตอบว่า หนูจะรักษาร่างกายนี้ให้สะอาดเพื่อจะสามารถรองรับการเป็นพระในภพภูมิหน้าได้อย่างบริสุทธิ์และเต็มภาคภูมิ
>> สิ่งหนึ่งที่จะสามารถตอกย้ำปณิธานที่มุ่งมั่นคือ "การจาริกแดนพุทธภูมิตามรอยสันติภูมิ" ที่หลักสูตรปริญญาโท สาขาสันติศึกษาได้จัดให้นิสิตไป "แสวงบุญ แสวงสันติธรรม" ร่วมกัน ณ ประเทศอินเดีย ในระหว่างวันที่ ๑๙-๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เพราะนั่นถือเป็นสิ่งที่เธออธิษฐานมาตั้งแต่เยาว์วัยว่าจะไปกราบดินแดนของพ่อที่ให้เกิดทางจิตใจ เพื่ออธิฐานใจให้เกิดเป็น "พระ" ในพระพุทธศาสนา
>> ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๙ ในฐานะลูกสาวคนโต เธอได้เตรียมรีดผ้าให้คุณแม่และคุณพ่อ หลังจากนั้น เธอเชิญชวนพ่อแม่และน้องๆ สวดธรรมจักกัปปวัตนสูตร ที่เคยปฏิบัติมา เพื่อตอกย้ำก่อนการเดินทางไปเมืองพาราณสีซึ่งเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมะบทนี้ และเช้าตรู่ของวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๙ เธอได้ขวนขวายหุงหาอาหาร และเตรียมจตุปัจจัยไทยทาน แล้วแต่งตัวในชุดเสื้อขาวสดใส แล้วพาคุณแม่และคุณพ่อไปใส่บาตร หลังจากนั้น เธอจึงได้ร่ำลาคุณแม่คุณพ่อ ไปขึ้นรถน้องชายที่ชื่อ "โต้ง" ไปมหาจุฬาฯ วังน้อย เพื่อไปเตรียมความพร้อมและจัดการสิ่งต่างๆ ก่อนเดินทางไปแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย
>> การรีดผ้า การหุงหาอาหาร การพาคุณแม่และคุณพ่อไปทำบุตรตักบาตร การกอดลา และกล่าวลาครั้งนี้ ได้กลายเป็นละครบทสุดท้ายที่ "ลูกพระ" คนนี้ ได้แสดงต่อคุณแม่และคุณพ่อในฐานะพระพรหมของลูก เพราะเธอทราบดีว่า การแสดงความกตัญญูที่ประเสริฐที่สุด คือ การพาท่านไปหาศรัทธา ทาน ศีล และภาวนา และเธอได้ทำสิ่งเหล่านี้มาตลอดชีวิตของการเป็นลูก และด้วยคุณสมบัติเช่นนี้ จึงทำให้พ่อได้ได้เปรยทั้งน้ำตาหน้าห้องเก็บศพว่า "ผมได้สูญเสียพระ" ไปอย่างไม่มีวันกลับ
>> "หลับตาให้สบาย อย่าเกร็ง ค่อยๆ ดูเวทนาที่กำลังเกิดขึ้น และเกาะกัดกินรูปคือร่างกายของเรา การปวดเป็นหน้าที่ของกาย ส่วนการกำหนดความปวดคือหน้าที่ของใจ กายปวดใจไม่ปวด จำไว้ดีๆ นะหนูเบนซ์" นี่คือสิ่งที่ย้ำกับเธอในขณะที่เข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน และวันหนึ่งเธอเข้ามาพบและบอกในขณะสอบอารมณ์ทั้งน้ำตาว่า "พระอาจารย์ค่ะ หนูกำหนดทุกขเวทนาได้แล้ว ความปวดของกายทำอะไรใจหนูไม่ได้แล้ว หนูมีปีติ และมีความสุขแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต" ภาพที่เธอปล่อยร่างส่วนบนลงมาจากรถฟอร์ดทางประตูด้านขวาอยางผ่อนคลาย ในขณะที่ไฟกำลังโหมไหม้ขาท่อนล่างของ "หนูเบนซ์" หลังจากถูก "รถเบนซ์" ชนและแก๊สระเบิดนั้น ทำให้ไม่สงสัยอีกแล้วว่า เธอสามารถเข้าถึงสภาวะดังกล่าวจากการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานหรือไม่
>> "เราขอจบความแก่เอาไว้ ณ วัย ๓๔" คือคำกล่าวครั้งสุดท้ายกับโจ้ย เพื่อนสนิทจากหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เรื่องราวชีวิตของเธอจบลงแล้ว แต่เรื่องราวที่งดงามของเธอยังคงได้รับเล่าขาน และการเดินทางของเธอจะยังคงเดินหน้าต่อไปเพื่อไปตามหาสิ่งที่เธอได้ตั้งจิตอธิฐานและปรารถนาจะเป็น "พระ" ครั้งหนึ่งเคยย่ำเตือนกับเธอว่า "หนูเบนซ์ไม่ต้องเฝ้าที่จะเป็นพระในภพภูมิหน้าแล้ว เพราะเธอได้กลายเป็นพระในใจของคุณแม่คุณและคุณพ่อ รวมไปถึงถึงการมีดวงจิตและวิถีชีวิตที่เป็นพระซึ่งหมายถึงความประเสริฐ ทั้งการคิด พูด และทำในสิ่งที่ประเสริฐตลอดชีวิตและทุกลมหายใจ"
>> ขอให้หนูเบนซ์หลับให้สบาย ชีวิตนี้ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงวัย ๓๔ นั้น หนูได้สร้างเหตุปัจจัยที่พรั่งพร้อมที่จะเกิดเป็น "ลูกพระ" ทั้งทางร่างกาย และจิตใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระอาจารย์และครอบครัวสันติศึกษา ขอให้สิ่งที่หนูมุ่งมาตรปรารถนาสำเร็จผลในภพภูมิต่อไป โดยเกิดมาเป็นพระที่ดีและสมบูรณ์แบบ เพื่อจะร่วมสร้างสันติบารมีกับพระอาจารย์และครอบครัวสันติศึกษาดังที่เราได้ตั้งสันติปณิธานร่วมกันในห้องก่อนเรียนทุกเช้าว่า
"ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะอธิษฐานว่า ข้าพเจ้าขอบำเพ็นสันติบารมี พัฒนาชีวีให้รู้ตื่นและเบิกบาน ร่วมประสานมนุษย์และสังคม ให้อุดมด้วยสันติสุข ในทุกลมหายใจ ตลอดไปเทอญฯ"
ด้วยพลังแห่งสันติธรรม
พระอาจารย์มหาหรรษา ธมฺมหาโส
ผู้อำนวยหลักสูตรปริญญาโท และปริญญาเอก
สาขาสันติศึกษา
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
*-------*-------*-------*-------*-------*
ขอขอบคุณ : เนื้อหาจากเพจ นพ.พรชัย พิญญพงษ์
www.facebook.com/DrPornchai
ภาพจาก : http://sv4.siamupdate.com/news-181822