กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี"...ยุค4Gสงครามล้มพุทธ!! ถึงเวลาปกป้องพระพุทธศาสนาแล้วหรือยัง???

“ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง 


แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง


 ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง 


จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง!!!???"


ศึกยุคไฮเทค ใช้ Hate Speech 


โจมตีพระศาสนา


 ถึงเวลาปกป้องพระพุทธศาสนาแล้วหรือยัง???



เมื่อยุทธศาสตร์เดิมไม่ work!!!
การรบระหว่างไทยกับพม่าในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้น 
ไทยมักจะใช้ยุทธศาสตร์ในการตั้งรับ คือรวมตัวกันอยู่ในเมือง 
เพราะได้พื้นที่ได้เปรียบทางธรรมชาติ นั่นก็คือมีฤดูน้ำหลาก 
หากสามารถป้องกันข้าศึกไม่ให้เข้ามาในเมืองได้ จนถึงฤดูน้ำหลาก ข้าศึกจะยกทัพกลับไปเอง และขณะที่ข้าศึกกำลังยกทัพกลับ 
ไทยก็จะออกจากเมืองรุกไล่ตามตีไป..

เมื่อเป็นแบบนี้ ข้าศึกก็จะต้องทำงานแข่งกับเวลา 
จนเกิดความตึงเครียดขึ้นภายในกองทัพ 
ไทยจึงมีโอกาสชนะมากกว่าแพ้ 
(แต่สมัยเสียกรุงคร้ังที่ 1 พม่าเข้าเมืองได้ก่อนฤดูน้ำหลาก
เพราะกลศึกของพระเจ้าบุเรงนอง) 



กลยุทธน้ำล้อมเมืองของไทยที่เคยใช้ได้ ป้องกันข้าศึก

ในคราวใกล้จะเสียกรุงครั้งที่ 2 คือ พ.ศ. ​2310 
ไทยก็ใช้ยุทธศาสตร์ตั้งรับเหมือนเดิม.. แต่คราวนี้พม่า...
ไม่ยอมให้ปัจจัยทางธรรมชาติมาเป็นอุปสรรค !!!
จึงผูกแพทำเรือและสร้างเกาะประดิษฐ์กันเป็นการใหญ่ 
เมื่อฤดูน้ำหลากมาถึง ทั้งไพร่พล ทั้งช้างม้า สิ่งของ
ก็ขึ้นไปอยู่บนแพบ้าง บนเกาะประดิษฐ์บ้าง !!!

 คราวนี้แรงกดดันมาอยู่ที่ฝ่ายไทย เพราะเตรียมเสบียง
ไว้แค่ฤดูน้ำหลาก จึงเกิดภาวะขาดเสบียง 
เมื่อพ้นฤดูน้ำหลาก การสู้รบก็เปิดฉากขึ้นอย่างดุเดือดอีกครั้ง 
จนกระทั่งไทยเสียกรุงในที่สุด เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2310 


หลังจากนั้นประมาณ 7 เดือน พระเจ้าตากสิน
ก็กอบกู้เอกราชกลับคืนมาได้สำเร็จในวันที่ 6 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน ต่อมาก็ย้ายราชธานีไปยังกรุงธนบุรี 
 พระองค์จึงมีพระนามอีกอย่างหนึ่งว่า “พระเจ้ากรุงธนบุรี”

พระราชปณิธาน สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

อันตัวพ่อชื่อว่าพระยาตากทนทุกข์ยากกู้ชาติพระศาสนา
ถวายแผ่นดินให้เป็นพุทธบูชาแด่พระศาสดาสมณะพระพุทธโคดม
ให้ยืนยงคงถ้วนห้าพันปีสมณะพราหมณ์ชีปฏิบัติให้พอสม
เจริญสมถะวิปัสนาพ่อชื่นชมถวายบังคมรอยพระบาทพระศาสดา
คิดถึงพ่อพ่ออยู่คู่กับเจ้าชาติของเราคงอยู่คู่พระศาสนา
พุทธศาสนาอยู่ยงคู่องค์กษัตราพระศาสดาฝากไว้ให้คู่กัน
ช่วงนั้น พม่าติดศึกรบกับจีนอยู่ทางทิศเหนือ 
กว่าจะเสร็จศึกก็ถึงปี พ.ศ. 2314 พอเสร็จศึกจีน ก็จัดเตรียมทัพ
เพื่อมาตีกรุงธนบุรีเป็นลำดับต่อไป... 
 ซึ่งพม่าก็ใช้ยุทธศาสตร์เดิมเมื่อครั้งสมัยตีกรุงศรีอยุธยา คือแบ่งทัพออกเป็น 2 ทัพใหญ่ 
โดยทัพแรกยกผ่านมาทางเมืองเชียงใหม่ 
ทัพที่สองยกผ่านมาทางด่านพระเจดีย์ 3 องค์ 
(ปัจจุบันต้ังอยู่บริเวณพรมแดนไทย-พม่า 
บริเวณทางตอนเหนือของจังหวัดกาญจนบุรี) 

เพื่อให้ทั้งสองทัพมาจบกันที่กรุงธนบุรี 
แล้วเข้าตีพร้อมกัน แต่ทว่าพม่าเจออุปสรรคทั้ง 2 ทาง...
ทัพแรก พม่ามีภารกิจต้องรวบรวมไพร่พลของคนพื้นเมือง
ในเชียงใหม่เข้ากองทัพด้วย แต่กลับมีเรื่องขัดแย้งกับผู้นำของชาวพื้นเมืองเสียก่อน ผู้นำของชาวพื้นเมืองเชียงใหม่
จึงหันไปพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระเจ้ากรุงธนบุรี

 ทัพที่สอง พม่ามีภารกิจต้องรวบรวมไพร่พลของมอญ
เข้ากองทัพเช่นเดียวกัน แต่ก็กลับมีเรื่องขัดแย้งกับผู้นำของมอญ
 จนบานปลายเป็นกบฏมอญ ต้องเสียเวลาในการปราบปรามเป็นการใหญ่ มอญสู้ไม่ได้ก็หนีเข้ามายังฝั่งไทย 
 พระเจ้ากรุงธนบุรีเห็นโอกาสที่จะเพิ่มไพร่พล จึงส่งนายทหารไปต้อนรับครอบครัวชาวมอญ เพื่อให้มาร่วมกันทำศึกกับพม่า
 ศึกคราวนี้ พระเจ้ากรุงธนบุรีทราบว่า จะใช้ยุทธศาสตร์ตั้งรับ
อย่างเดิมไม่ได้ผล จึงเปลี่ยนยุทธศาสตร์
นำทัพออกไปต้านศึกที่หัวเมือง เพราะยุทธศาสตร์ของพม่า 
จะได้เปรียบก็ต่อเมื่อทั้งสองทัพมาถึงกรุงธนบุรีพร้อมกันเสียก่อน 
 พระเจ้ากรุงธนบุรีจึงไม่ยอมให้โอกาสนั้นมาถึง
  ขณะนั้นเข้าปี พ.ศ. 2316 ผู้นำของชาวพื้นเมืองเชียงใหม่มาสวามิภักดิ์ด้วยอย่างที่กล่าวไว้ตอนต้น และพม่าก็ยังติดศึกปราบกบฏมอญอยู่ พระเจ้ากรุงธนบุรีจึงตัดสินพระทัย
  ส่งทัพไปรบกับพม่าที่เชียงใหม่ก่อนจนได้รับชัยชนะ
กว่าบรรพบุรุษจะรวมแผ่นดินไทย!! ต้องเสียเลือดเนื้อไปเท่าไร
แล้วไย..เราคนไทย ต้องมาทำร้ายวัดวาอารามที่บรรพบุรุษสร้าง
พระพุทธศาสนาจะอยู่ต่อได้อย่างไร เมื่อคนชั่วมุ่งทำลายวัดวาอาราม?

เมื่อถึงปี พ.ศ. 2317 พม่าปราบกบฏมอญได้สำเร็จ
จนครอบครัวมอญต้องหนีมาฝั่งไทย พม่าจึงส่งทัพหน้า
เข้ามาทางบางแก้ว (อำเภอบางแก้ว จังหวัดราชบุรี)
ด้วยวัตถุประสงค์จะต้อนครอบครัวมอญกลับด้วย
 และจะเข้าตีกรุงธนบุรีด้วย พระเจ้ากรุงธนบุรีจึงส่งทัพ
ไปรบกับพม่าที่นั่น จนเกิดศึกบางแก้วในประวัติศาสตร์ 
 และพระองค์ก็ได้รับชัยชนะเช่นเดียวกัน

 คราวนี้พม่า ก็พิจารณาว่าหากรบกับไทยจะใช้ยุทธศาสตร์เดียวกับสมัยตีกรุงศรีอยุธยา ปี พ.ศ. 2310 ไม่ได้ผล
จึงเปลี่ยนยุทธศาสตร์ โดยใช้ยุทธศาสตร์เดียวกับสมัยพระเจ้าบุเรงนอง (พ.ศ. 2106)  
 คือยกทัพผ่านตาก สุโขทัย เพื่อมายึดเมืองพิษณุโลก แล้วเอาเมืองพิษณุโลกเป็นฐานทัพเข้าตีกรุงธนบุรีต่อไป
 พระเจ้ากรุงธนบุรี จึงรวบรวมสรรพกำลังทั้งหมด มาป้องกันหัวเมืองพิษณุโลก โดยให้เจ้าพระยาจักรีกับเจ้าพระยาสุรสีห์
 (ซึ่งต่อมาก็คือรัชกาลที่ 1 กับ พระวังหน้า)

 นำทัพป้องกันอยู่ในเมือง ส่วนพระองค์ ก็แบ่งทัพเป็น 5 ทัพ 
วางบนเส้นทางระหว่างกรุงธนบุรีกับพิษณุโลก
 ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อส่งกำลังหนุน และควบคุมเสบียงจากกรุงธนบุรีไปยังพิษณุโลก
  แม่ทัพพม่าในตอนนั้นคือ อะแซหวุ่นกี้ บัญชาการรบกับไทย ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ อยู่หลายเพลาก็ไม่อาจหักตีเมืองได้ จนเกิดตำนานอะแซหวุ่นกี้ขอดูตัวแม่ทัพ คือเจ้าพระยาจักรีในประวัติศาสตร์
 ต่อมา อะแซหวุ่นกี้ ทราบว่า ที่ไทยสามารถรบกับพม่าได้นั้
นอกจากความเก่งกล้าของแม่ทัพฝ่ายไทยแล้ว
 ยังมีกำลังหนุนจากพระเจ้ากรุงธนบุรี ที่คอยส่งทหารกับเสบียงมาให้อยู่ เนื่องจากพม่ามีทหารมากกว่าไทยมาก อะแซหวุ่นกี้
 จึงจัดทัพจำนวนหนึ่ง ไปสกัดไม่ให้ทัพของพระเจ้ากรุงธนบุ
รีส่งทหารและเสบียงมาถึงพิษณุโลกได้
  ยุทธวิธีนี้ ทำให้ทัพไทยในพิษณุโลกขาดเสบียงอย่างหนัก

เจ้าพระยาจักรี พิจารณาแล้วว่าหากรบต่อไป...
ต้องแพ้อะแซหวุ่นกี้แน่นอน จึงตัดสินใจสละเมืองพิษณุโลก
 นำทัพไปตั้งหลักอยู่ที่ทางตะวันออกคือเพชรบูรณ์
  ที่เจ้าพระยาจักรี ต้องสละเมืองก็เพราะรู้ทันยุทธศาสตร์ของอะแซหวุ่นกี้ว่า จะใช้วิธีการเดียวกับพระเจ้าบุเรงนองในอดีต (พ.ศ. 2106) คือให้ทหารไทยรบกับทหารไทยด้วยกันเอง 
จะยอมให้คนชั่วบังคับให้เราฆ่าพี่น้องกันเองอย่างนั้นหรือ!!???

 นั่นคือเมื่อจับเชลยศึกได้ ก็จะบังคับให้เชลยศึกเป็นทัพหน้าไปรบกับทัพของพระเจ้ากรุงธนบุรี เพื่อเป็นการรักษาชีวิตทหารและไม่เพิ่มจำนวนไพร่พลให้พม่า จึงตัดสินใจสละเมือง แล้วค่อยไปหาวิธีการแก้ไขอีกที
เมื่ออะแซหวุ่นกี้ ยึดเมืองพิษณุโลกได้สำเร็จแล้ว ก็จัดทัพใหม่ เป็น 4 ทัพ คือทัพหลวง 1 ทัพ และทัพหน้า 3 ทัพ  แล้วส่งทัพหน้าทั้ง 3 ทัพ ล่วงหน้าไปก่อน ทัพหน้าทั้ง 3 ทัพ ก็ตะลุยรบกับทัพไทยที่อยู่ระหว่างก่อนถึงกรุงธนบุรี ทัพไทยก็แตกถอยร่นไปเรื่อยๆ 

ตอนนี้ถือว่าไทยคับขันมาก มีโอกาสสูงที่จะเสียกรุงธนบุรี
 คงเป็นบุญของอาณาจักรไทย ยังไม่ทันที่พม่าจะเข้ากรุงธนบุรี ก็มีคำสั่งจากเมืองหลวงของพม่าให้อะแซหวุ่นกี้ นำทัพกลับด่วน 
 ไทยก็เลยรอดพ้นจากการเสียกรุงในครั้งนั้นแบบปาฏิหารย์
 ศึกษาประวัติศาสตร์แล้ว ก็ย้อนกลับมาดูสถานการณ์
ของพระพุทธศาสนาที่กำลังถูกรุกรานขนาดหนักในปัจจุบัน 
หากพุทธบริษัท 4 จะใช้ยุทธศาสตร์ในการตั้งรับในพื้นที่อย่างเดียว เหมือนกรุงศรีอยุธยาตั้งรับศึกพม่าในเมือง คงไม่ได้เสียแล้ว
 ต้องทำอะไรมากกว่านั้น
  ผู้รุกราน ในยุคนี้ไม่ได้จับศาสตราวุธมาฟาดฟันเหมือนในอดีต แต่ใช้ข้อมูลข่าวสารมาโจมตีให้ประชาชนเข้าใจผิด แล้วใช้ประชาชนผู้เข้าใจผิดมาเป็นพวกเพื่อช่วยกันโจมตีพระพุทธศาสนาอีกแรงหนึ่ง
 บุคคลในภาพข้างบน!! ยังมีหัวใจหรือไม่???
 เขาใช่ชาวพุทธแท้ๆ ไหม??
ทำไมไม่เกรงใจพระสงฆ์เลย???
บุคคลด้านล่าง..เขายังมีหัวใจเป็นพระหรือไม่??? 
สมควรไหมที่จะให้เขานำพระสงฆ์ทั้งประเทศ นี่หรือคือการปกป้อง
ใครแน่เกิดมาเพื่อทำลายประเทศ ทำลายพระพุทธศาสนา!!??


 เหมือนยุทธศาสตร์ของพระเจ้าบุเรงนอง (พ.ศ. 2106) ที่ยึดเมืองพิษณุโลกได้แล้ว ก็ใช้กำลังของพิษณุโลกมาช่วยตีกรุงศรีอยุธยา
 (จนเสียกรุงคร้ังที่ 1 ในที่สุด)
  เมื่อเป็นแบบนี้ พุทธบริษัท 4 ก็ต้องปรับยุทธศาสตร์เหมือนพระเจ้ากรุงธนบุรี ที่นำทัพออกไปต้านศึกยังหัวเมือง
 นั่นคือเมื่อผู้รุกรานใช้ข้อเท็จจริงมาโจมตีพระพุทธศาสนา
ทาง Social Network พุทธบริษัท 4 ก็ต้องใช้ข้อแท้จริง
ไปต้านศึกทาง Social Network เหมือนกัน

 คราวนี้ก็อยู่ที่ปริมาณแล้ว ถ้าพุทธบริษัท 4 ที่ช่วยกัน
นำข้อแท้จริงไปต้านศึกทาง Social Network มีปริมาณมากพอ
 ก็จะชนะศึก เหมือนที่พระเจ้ากรุงธนบุรีชนะศึกเชียงใหม่ กับศึกบางแก้ว
  แต่ถ้าหากปริมาณน้อย ก็จะเหมือนกับศึกพิษณุโลก ที่พม่าจะใช้กำลังที่มากกว่ามาตัดเสบียงของฝ่ายไทยทำให้ฝ่ายไทยตกอยู่ในสถานการณ์ตั้งรับจนเกือบจะเสียกรุง
 หลายท่านอาจจะคิดว่า ชาวพุทธมีบุญมากอยู่แล้ว
 ยังไงๆ ก็ต้องชนะ เหมือนในอดีตพอเราใกล้จะเสียกรุงธนบุรี
 ก็จะมีเหตุพลิกผันทำให้พม่าต้องถอนกำลังกลับ

 แต่อย่าลืมว่า บุญจะส่งผลเต็มที่ เมื่อเราสู้เต็มที่เท่านั้น!!!!
ถามว่า หากในอดีตพระเจ้ากรุงธนบุรีกับเหล่าแม่ทัพขุนพลทหารกล้าของพระองค์ ไม่สู้รบอย่างสุดกำลัง พม่าก็คงจะยึดกรุงธนบุรีได้ก่อนจะถูกเรียกตัวกลับใช่ไหม???

 เช่นเดียวกัน เหตุการณ์ปาฏิหารย์จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อพุทธบริษัท 4
 ร่วมกันสู้อย่างสุดกำลังเท่านั้น!!!

 จงจำไว้เถิดว่า 
“หากพุทธบริษัท 4 ไม่สู้
 แล้วใครล่ะจะช่วยกอบกู้พระพุทธศาสนา”


สุภคฺโค ภิกฺขุ
18 กรกฎาคม 2559


 ออกมาเถิด!! พี่น้องชาวไทย
เราไม่ได้ปกป้องวัดพระธรรมกาย
แต่เรากำลังปกป้องศักดิ์ศรีของลูกพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เรากำลังปกป้องกอบกู้เกียรติยศที่ปู่ทวดบรรพชนของเราสร้าง
อย่าให้วัดวาอารามต้องถูกรุกราน
จากบุคคลผู้แอบอ้างว่ารักพระศาสนา
ขจัดคนชั่ว!! ให้รู้ว่า ยุค 4G ไทยไม่สิ้นคนดี!!!!
สู้มารรรรรรรรร!!!!!!